Thursday, February 26, 2009

เมื่อ Feel Good Dolls ข้ามโลกไปเจอเพื่อนใหม่


รูปคู่กับแม่มัน

เมื่อสองวันก่อนตื่นเช้าขึ้นมาก็ได้รับอีเมล์จาก คุณคิม ซู เอดิเตอร์จากสำนักพิมพ์ Sandu เป็นสำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับงานออกแบบ งานดีไซด์ ที่ตีพิมพ์และจำหน่ายส่วนใหญ่ในเอเชีย
ส่วนตัวเราที่เคยเห็นผ่านตาก็คือหนังสือ 360 องศา ก็เพิ่งรู้ว่าเป็นหนังสือจากสำนักพิมพ์นี้

อะแอ้ม!....คุณคิมว่า สนใจเจ้าตุ๊กตา Feel Good Dolls และอยากจะเอาไปลงลงในหนังสือดีโซน์เล่มใหม่ที่กำลังจะวางจำหน่าย
ชื่อ Hey!My Friends เป็นหนังสือเกี่ยวของเล่น งานดีไซน์ รวมทั้งตุ๊กตาดีไซด์ต่างๆ....เธอเลยอีเมล์มาถามว่า จะขอบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับเจ้าตุ๊กตาอารมณ์ดีตัวนี้ได้มั๊ย
ว่ามันเป็นไง มาไง ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้


ดูมันเดิน บางตัวย้ายเอวแทบไม่ไหว

เลยอีเมล์กลับไป..ได้เลยเจ้าค่ะ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับลูกๆอิชั้นถามมาได้เลย วันรุ่งขึ้นคุณคิมเลยส่งบทสัมภาษณมาให้หนึ่งหน้าจอ พร้อมกำหนดขอรูปเท่าไหร่ ยังไง บอกว่าเส้นตายอีกสองวันนะจ๊ะ....แม่เจ้าโว้ย...คิดว่าชีวิตนี้ อุตสาห์หนีงานไฟลนตูดมาพ้นแล้ว
นี่มาสัมภาษณ์กันข้ามโลกก็ยังไม่วายไฟลนตูด ดีที่เราถ่ายรูปงานเอาไว้เป็นถัง เลยเอามาใช้ได้เลยโดยไม่ต้องถ่ายใหม่


ขำขำอย่างี้ตัวหนูหอมนะ เพราะแม่มันให้กินดอกลาเวนเดอร์แห้งเป็นอาหาร

นั่งเขียนตอบบทสัมภาษณ์ไป ก็นั่งนึกไปว่าโลกดี๋ยวนี้มันเล็กลงจริงๆ ไม่ว่าใครจะอยู่จุดไหนซอกไหนของโลก ก็โดนไฟฉายส่องมาถึงกันหมด เมื่อก่อนการจะไปสัมภาษณ์อะไรใครที ก็ต้องหอบต้องหิ้วกันไปให้ครบเครื่อง ทั้งเทปทั้งไมค์ต้องให้ถึงปาก ทิ่มหูทิ่มตา กันอย่าให้พลาด....
เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปจนบางครั้งนึกแล้วใจหาย....โลกเก่าๆ มันเดินห่างออกไปทุกที


อ้อร้อบางเวลา ชอบเต้นบัลเลย์เป็นชีวิตจิตใจ เพราะแม่มันบังคับ

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เจ้าตุ๊กตาอารมณ์ดีพวกนี้เข้าตาคนแปลกหน้าจากที่ไกลๆ
คราวที่แล้วมีคนติดต่อมาจากสเปน ว่าอยากเอา Feel Good Dolls เข้าไปขายในร้าน
ของเค้าซึ่งเป็นร้านแนวมิวเซี่ยม ทั้งโชว์ทั้งขายในร้านเดียว แต่เราไม่พร้อม ไม่มีกำลัง
ทำอะไรขนาดนั้น เลยปฏิเสธ....แถวใกล้ๆตัวก็มี เจ้านี้เคยสั่งซื้อไปสองหนแล้ว
หนละเกือบห้าสิบตัว มาเที่ยวนี้จะสั้งอีกประมาณสองร้อย แต่ขอลดราคาลง
เพราะสู้ราคาอย่างที่แล้วมาไหม่ไหว

ไมค์จ๋าา....ข้าเจ้าอยากขายให้นะ แต่ข้าเจ้าไม่มีแรงกับราคาที่ยูอยากได้นะ
เราไม่ได้ส่งให้กองทัพมด กองทัพแมว ที่ไหนทำทั้งนั้น แค่มือเราสองมือ
ให้ราคามันต่ำไปกว่านี้ มันไม่ไหวหรอกจ๊ะ ไว้ถ้าส่งไปให้กองทัพมดทำเมื่อไหร่
เราคุยกันอีกทีนะ ตอนนี้มันยังเป็นงานสองมือทำอยู่ ไม่ใช่เครื่องจักรทำ


วันไหนเซ็งๆ เห็นหน้ามัน ดมพุงหอมๆซักทีสองที ก็ยิ้มแตกได้ง่ายๆ

กะว่าให้อะไรมันดีกว่านี้ จะลองลุยกับเจ้า Feel Good Dolls อารมณ์ดีพวกนี้ซักตั้ง
ไหนๆก็สร้างขึ้นมาแล้ว หอบไปจดทะเบียนลิขสิทธ์ิ เสียตังค์ขึ้นทะเบียน
เป็นงานดีไซด์ของเราอย่างถูกต้องไว้ตั้งนานแล้ว
แต่ยังไม่ได้ทำอะไรจริงๆจังๆ...แค่ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เรือง

Saturday, February 21, 2009

สีเข้าตา...ดำ-เขียว เปรี้ยวเงียบๆ


ผ้าลินินชิ้นใหม่ซื้ออาทิตยที่แล้ว ไม่พ้นเขียว

ช่วงนี้กำลังเกิดอาการ in กับสีเขียว อาการ in กับสีจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นเองหลังการกินอิ่มนอนหลับ ร่างกายบังคับไม่ได้ว่าอยาก in สีอะไร เมื่อไหร่ มันจะเกิดขึ้นมาแบบไม่มีใครคาดเดา หมอกฤษฎ์ หมอกรดอะไรก็ฟันธง ฟันเทียนอะไรไม่ได้ทั้งนั้น อย่างเที่ยวนี้ก็เหมือนกัน เช้าตื่นขึ้นมา นั่งซดกาแฟโฮกๆอยู่ แล้วมันก็ดังตึ๊งขึ้มมาในหัวว่า "เขียว...เที่ยวนี้ต้องเขียว"
เมื่อเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ชีวิตประจำวันที่ขับเคลื่อนด้วยลูกกะตาใหญ่ๆสองลูกนี้ จะวนเวียนอยู่กับสีนั้นโดยสัญชาตญาน
กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็เมื่อของที่อยู่รอบตัวมีแต่สีนั้นๆซะส่วนใหญ่


ถ้วยกาแฟใบใหม่ซื้อมาเดือนที่แล้วก็เขียว

หมอนขนสัตว์ปลอมขาว-ดำ ใบใหม่ ตัวช่วยผนังเขียว

อย่างที่บอกเที่ยวนี้นิมิตมาเป็นสีเขียว มองอะไรที่เป็นสีเขียวก็จะสวยไปหมด หลายคนมองข้ามสีเขียว เพราะไม่รู่ว่าจะใช้ชีวิตกับสีนี้ยังไงไม่ให้มันอับจน การใช้สีเขียวให้เก๋ต้องหาตัวช่วยมาช่วยดัน ตัวช่วยเที่ยวนี้คือสีดำ และขาว เมื่อใช้สามสีนี้ด้วยกันในสัดส่วนที่ถูกต้อง สีกลุ่มนี้จะเปล่งประกายเปรี้ยวแบบเงียบๆออกมาอย่างไม่นึกไม่ฝัน


ถ้ามีครัวใหม่ ขอครัวโทนนี้

สีเขียวขับผิวผ่อง ไม่ลองไม่มีวันรู้
วันหนึ่งคุณน้องสาวตะโกนข้ามฟากมากจากเมืองบางกอก ว่าไม่มีชุดไปงานเลี้ยงกลางคืน แล้วก็ไม่อยากคิดว่าจะใส่ชุดยังไง สีอะไร แม่เจ้าประคุณทูลกระบาล ยื่นคำขาด หาให้หน่อย แล้วก็หายไปในกลีบเมฆ ปล่อยให้พี่มันสวมวิญญานอีเพ้ิง คนเริงเมือง ตามล่าชุดให้คุณนายน้อง
สุดท้ายมาลงที่ชุดกลางคืนผ้าชีฟองสีเขียวใส เป็นสีที่อยู่ระหว่างเขียวตองอ่อน กับเขียวเข้ม สายสปาเกตตี้เข้ารูป ปล่อยหางปลา ยาวแค่ปลายน่อง พร้อมผ้าพันคอเข้าชุด กว้างหนึ่งนิ้ว พันแล้วหางยาวลงเกือบเท่าชุด ยัดใส่กล่อง ขว้างขึ้นเครื่องบินส่งไปให้



ดำ-ขาว-เขียว เปรี้ยวเงียบๆ ไม่โฉ่ง ไม่ฉ่าง

ปรากฏมันกรี๊ดข้ามชาติมาอีกแล้ว....
"เขียวววว...เป็นเมียพระอินทร์เลยเหรออีเจ๊" เลยบอกมันว่า "ถ้าไม่ใส่ชุดนี้ไปงานแกจะเป็นหมันไปตลอดชีวิต" มันยังคงอิดออด เลยต้องช่วยแม่คุณแต่งตัวทางสายโทรศัพท์ ว่าให้ใส่ชุดนี้
แล้วใส่รองเท้าส้นสูงโปร่งสีดำ หรือถึอกระเป๋าหนีบลายขาวดำ
หรือใส่กำใลหนาลายขาวดำ แกจะเป็นเมียพระอินทร์ที่เก๋ที่สุด เท่าที่พระอินทร์เคยมีเมียมา

ผลคือคืนวันงานคุณน้องเดินเข้างานด้วยชุดเขียวพระอินทร์ คนเดียวในงาน โทรกลับมาบอกว่า อีเจ๊มีแต่คนชมว่าชุดสวย แถมยังขับผิวมึนๆให้เด่นเด้งออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ



ช่วงนี้เลยใช้ชีวิตแบบเขียวๆไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีนิมิตสีใหม่ขึ้นมา