Wednesday, August 25, 2010

ไปแย่งเด็กดูหนังกลางแปลง



กิจกรรมฟรีๆหน้าร้อนเริ่มเจือจางลงทุกวัน....เมื่อลมเย็น ฝนหนาว โชยมาหุยๆ....นิวยอร์คเกอร์ส่วนใหญ่จะออกไปใช้เวลาหน้าร้อนกันจนหยดสุดท้าย แล้วค่อยกลับไปจำศีลหลบหนาวในถ่ำเหมือนเดิมอีกประมาณแปดเดือน

เรามันมนุษย์เมืองร้อน ไม่ค่อยเป็นมิตรกับแดดหน้าร้อนเหมือนมนุษย์เมืองหนาวเค้า เราเลยมักจะออกมาเชยชมพระอาทิตย์ช่วงเวลาเย็นกันซะส่วนใหญ่ กลางวันวันไหนแดดเปรี้ยง เราเลือกที่จะเกลือกกลิ้งอยู่บ้าน


ช่วงเวลาหน้าร้อน...บรรยากาศช่วงเย็นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การดูดอมยิ้มเดินเล่นชมเมืองมากที่สุด พระอาทิตย์ก็เป็นใจ กว่าจะตกให้ฟ้่ามืดก็ประมาณเกือบสามทุ่ม

ทุกๆหน้าร้อนกิจกรรมฟรีๆในนิวยอร์คมีเยอะมาก จัดโดยกลุ่มออกาไนซ์เชอร์ต่างๆที่ขึ้นตรงโดยเมืองนิวยอร์ค โดยเอาเงินภาษีมาใช้จัดงาน ถือว่าเป็นการคืนความรื่นรมณ์กลับให้ผู้เสียภาษี ให้เหมาะกับความสาหัสของภาษีที่นิวยอร์คเกอร์ต้องจ่าย



หนึ่งในกิจกรรมนั้นคือกิจกรรมในกลุ่ม River to River จัดโดยกลุ่มที่รับผิดชอบกิจกรรมทั้งรอบแม่น้ำฮัตสัน และในแม่น้ำฮัตสัน....เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ชอบใช้ชีวิตในน้ำ หรือแค่เลาะริมตลิ่งหาปลาหาปลิงกิน...ถ้าชอบ

เค้าจะมีคลาสสอนให้ทุกอย่าง สอนพายคายัค เล่นเรือใบ สอนตีลังกา กลับหัวกลับหาง ห้อยโหน โจนอากาศ....มีหมด...สาระพัดในแบตเตอร์รี่พาร์ค พาร์คเล็กๆแต่ยาวเลาะริมแม่น้ำฮัตสัน ตั้งแต่ดาวน์ทาวน์ยันมิดทาวน์....ทุกๆวันเสาร์เมื่อตกเย็น แดดร่ม ลมเอื่อย ป๊อบคอร์นเต็มตู้แล้ว ก็พร้อมฉายหนังกลางแปลง



กิจกรรมฉายหนังกลางแปลง เป็นกิจกรรมสำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กเด็กแดง เน้นไปสำหรับเด็กซะส่วนใหญ่ หนังที่เอามาฉายก็จะเป็นหนังที่มีเรื่องราวน่ารักๆสำหรับเด็กๆ อย่างวันนี้ฉายเรื่อง Annie เป็นเรื่องของเด็ก อาศัยอยู่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้าผู้แก่นแก้วมีแววเป็นผู้สร้างเมือง....เด็กดูไปร้องเพลงตามไปด้วย ผู้ใหญ่ไม่เลี้ยงเด็กอย่างเรา ก็ไปอาศัยนั่งดูเด็ก แอบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ลูกเค้า ให้หายคัน แล้วก็ไปหาป๊​อบคอร์นฟรีกิน....มีหนังให้ดูฟรีแล้วยังไม่หนำ เค้าเลยต้องแจกป๊อบคอร์นฟรี ของเล่นฟรีด้วย

แต่ละบ้านก็จะหอบผ้าหอบผ่อน หมอนอิง หมอนข้าง ตุ๊กตุ่นตุ๊กตา กับข้าวกับปลา กันมาพะรุงพะรัง แล้วก็มาปูผ้าตั้งวงเอกเขนก แคะหู หาเหา ให้กัน....รอเวลาหนังฉาย มันเป็นบรรยากาศที่ไม่มีสารพิษเจือปนทั้งหมดทั้งสิ้น แดดอ่อนๆ ลมเย็นเอื่อยๆ เพลงเบาๆ กลุ่มที่สนุกที่สุดคือพวกมนุษย์ตัวเล็กทั้งหลาย....วิ่งเล่น หัวทิ่ม หัวตำ กันสุดสวิง



เราว่าแค่จอหนังผืนเล็กๆ กับแดดอ่อนๆ ลมเย็นริมแม่น้ำ สนามหญ้าปลอมเขียวขจี ของเล่นฟรี ขนมฟรี นิดๆหน่อยๆแค่นี้ มันจะสร้างความทรงจำดีๆให้เด็กๆเหล่านี้อย่างแน่นอนเมื่อเค้าโตขึ้น.....เพราะสำหรับเด็กแล้วพื้นที่เล็กๆในสายตาผู้ใหญ่ มันคืิอพื้นที่ใหญ่ๆในสายตาเด็กเสมอ และจะเป็นพื้นที่ที่มีค่ามากของเค้า...เรารู้...เราเห็น...เพราะเราเป็นมาก่อน

เราเองยังจำได้ว่าเมื่อสมัยวัยผูกผมเปีย ร้านเจ๊ขายของชำตรงหัวมุมถนนหน้าแขวง เป็นร้านที่ใหญ่และเริ้ดที่สุด และเป็นร้านเดียว สำหรับการช๊อบปิ้งในชีวิตของเด็กที่หัวยังไม่พ้นโต๊ะขายขนม โตขึ้นมาเราก็ยังเลือกที่จะแวะเวียนไปหาขนมกินที่ร้านเจ๊เหมือนเดิม ถึงแม้มันจะกลายเป็นร้านเล็กๆ เท่าฝายันฝาไปแล้วเมื่อเราโตขึ้น...ขนมก็เป็นขนมง๊องแง๊งไปแล้วในสายตาเรา แต่เสียงทักทายของเจ๊ ของแปะ ลูกๆเจ๊ที่เห็นเรามาแต่เด็ก ทุกครั้งที่เราแวะไปมันยังเหมือนเดิม...


ว่าไปอยากให้มีกิจกรรมอย่างนี้ให้เด็กเมืองบางกอกบ้างจัง....รู้สึกว่าเด็กเมืองบางกอกทุกวันนี้ ห่างเหินจากวิถีชีวิตง่ายๆเข้าไปทุกที แต่ก็นะ....ลองฉายหนังฟรีอย่างนี้ที่สวนลุมซิ เด็กๆคงเพียบเหมือนกัน....เด็กแว้น เด็กสก๊อย ผู้น่ารัก พวกเธอก็คงสนุกสนานร่าเริงหัวทิ่ม หัวตำ ไม่แพ้เด็กริมแม่น้ำฮัตสัน...เพราะของฟรีๆมีที....มาม๊ะ...เรามา ตีกัน ตีกัน

Monday, August 16, 2010

DIY...กระเป๋าเก็บของ...รก...รก


หน้าร้อนกำลังจะหมด เลยต้องรีบรื้อบ้าน จัดของทาสีใหม่ก่อนหนาวจะมา ของทีี่เคยกองๆรกๆ อยู่ในถุงก๊อบแก๊บ ก็ได้เวลารื้อออกจัดใหม่ให้เป็นที่เป็นทาง หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือเศษผ้าเล็กๆ ที่เล็กแต่ยังเอาเก็บไว้ใช้ทำอย่างอื่นเล็กๆได้อีก พวกนี้จะเอาทิ้งก็ทิ้งไม่ลง เลยกองรวมกันไว้ในถุงซะส่วนใหญ่ มาวันนี้...ไม่ไหวแล้วถุงก๊อบแก๊บ กองทับกันเป็นตั้งๆ เด็กโข่งเหน็บกลับมาว่า....อันสมบัติบ้าเมียข้านี้...เหมือนสมบัติพวกโฮมเลสเข้าไปทุกวัน

เลยต้องจัดการปัดกวาดรังกันซักเล็กน้อย เริ่มด้วยการหาทางกำจัดผ้า จำนวนหนึ่งที่ซื้อมาด้วยอาการสิ้นคิด ซื้อมางั้น เอามาทำอะไรยังไม่รู้ เหมือนผ้าเดนิม (ยีน) ผืนนี้ซื้อมาเป็นชาติยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร


พลิกหนังสือพวกแต่งบ้าน ดูเล่นเห็นกระเป๋าใส่แมกกาซีนทรงนี้ เลยจำได้ว่าเคยอยากซื้อเข้าบ้าน แต่พอคิดว่าจะยอมควักตังค์จ่าย..อย่าเลย...เปลือง ก็เลยนึกได้ว่า งั้นก็เอาผ้ายีนหนาๆผืนนี้มาตัดเป็นกระเป๋าทรงคล้ายๆ เอาไว้ใส่่ของรกๆแทนถุงก๊อบแก๊บน่าจะมีสกุลรุนชาติกว่ากันเยอะ ของเราก็ขอเป็นแบบ minimal แล้วกัน เพราะจะใช้แทนถุงก๊อปแก๊บเท่านั้นเอง



ทำไปทำมาแทนที่จะได้กำจัดผ้าให้หมดกลับต้องแจ้นไปซื้อผ้ามาเพิ่ม เพราะเด็กโข่งหันมาเห็นควรด้วย....ขอด้วยซักห้าใบนะ!!...เอาไว้ใส่ของวางไว้บนชั้น แทนที่จะไปซื้อกล่องไอเกีย กระเป๋าแบบนี้วางบนชั้นติดผนังเหมือนกันหลายๆใบ ก็งามเรียบร้อยเหมือนกัน


กระเป๋าทรงนี้จริงแล้วเป็นกระเป๋าที่เย็บง่ายมาก....มันจะมีก็แค่ตรงหูที่ มันไม่มีรอยต่อ เลยต้องทำการควัก การล้วง กันนิดหน่อย เพราะเราเย็บด้วยจักร มันต้องมีการตีลังกากันเล็กน้อย เพื่องานออกมาแล้ว จะเรียบร้อยยิ่งกว่าแม่พลอยสอยผ้าซิ่น
แถมเป็นกระเป๋าทรงตูดกว้าง จุของใด้พอควร กะว่าจะทำไซด์ 14 " อีกซักใบ ไว้เอาไปซื้อกับข้าว

ซื้อผ้ายีนหรือแคนวาสงามๆตามใจชอบ ผ้าที่เห็นในรูปตัวนอกเป็นผ้ายีน ตัวซับในเป็นผ้าคอตต้อนหนา...(ผ้าหน้ากว้าง 45 ซื้ออย่างละ 1 เมตรผ้าจะเหลือ ถ้าซื้อ 1 หลาจะพอดีแบบกระดุกดิกไม่ได้)
ผ้ากาว 1 เมตร


ตัดแบบ...
ขนาดที่เอามาทำในรูปเป็นใบเล็กขนาดสูง 10 นิ้ว ถ้าต้องการใบใหญ่ปัง ให้เพิ่มขนาดตรงสี่เหลี่ยมด้านเท่าเอา ไม่ต้องเพิ่มขนาดด้านข้าง อย่างใบใหญ่เพิ่มความสูงและกว้างในสี่เหลี่ยมด้านเท่าด้านละ 14 นิ้ว ก็จะได้ใบใหญ่ หรือจะ 12 นิ้วก็พองาม ที่เหลือเท่าเดิม

จุดประๆ คือแนวเย็บ ที่เหลือคือแนวตะเข็บ ส่วนบนสุดตรงหูไม่ต้องมีตะเข็บ เพราะจะวางตรงสันพับของผ้า


ตัดผ้า....
1. พับผ้าเข้าด้วยกัน วางแบบโดยให้ส่วนหูที่ไม่มีแนวตะเข็บ ชิดรอยพับของผ้า ถ้าใช้ผ้าลายขวาง จะงามและดูดีมีสกุล ถ้าเล็งแนวผ้าให้ลายผ้าทั้งสองด้าน เป็นแนวตรงกัน แล้วก็ตัดตามแบบ รวมทั้งผ้าซับใน.....ส่วนของผ้ากาว...ตัดแบบไม่ต้องให้มีขอบตะเข็บ

2. เอาซับในไปรีดผ้ากาว...ตรงนี้...ถ้าอยากจะรีดผ้ากาวทั้งผ้าตัวนอก และผ้าตัวในก็ได้ ถ้าไม่มั่นใจว่าผ้าจะหนาพอ เพราะกระเป๋าแบบนี้เอาไว้ใส่ของ แล้วตั้ง เลยอยากให้มันอยู่ตัวนิดหนึ่ง...แต่ที่ทำในรูป รีดผ้ากาวแค่ส่วนของผ้าซับใน เพราะผ้ายีนตัวนอกอยู่ตัวอยู่แล้ว


เย็บหูให้ติดกับซับในเป็นอันดับแรก
1. เอาผ้าตัวนอก กับผ้าซับในมาประกบกัน (ให้ด้านถูกของผ้าประกบกัน) เข็มหมุด หมุดรอบตัว U ด้านใดด้านหนึ่ง แค่ด้านเดียว แล้วเย็บติดรอบตัว U
2. เย็บเสร็จเรียบร้อย ก็ขลิบตรงส่วนโค้งๆ เพื่อคลายความตึงของผ้า


3. เย็บตัว U หนึ่งด้านเสร็จแล้ว ก็เตรียมมาเย็บอีกด้าน...ช่วงเอาเข็มหมุด หมุด ให้ขยุ้มผ้าตัวนอกให้โป่งนิดหนึ่ง เพื่อว่าหลังจากเย็บติดกันแล้ว ผ้าซับในจะไม่เกินผ้าตัวนอกออกมาให้เสียดตา

4. การเย็บตัว U ที่สอง เราจะไม่เย็บตลอดแนว จะเย็บแค่ช่วงตรงๆทั้งสองฝั่ง แล้วเว้นช่วงโค้งๆเอาไว้สำหรับเป็นช่องปลิ้นปล้อนผ้าออกมา




5. จากนั้นก็ทำการกลับผ้า ปลิ้นผ้าออกมา ผ่านทางช่องตรงทางโค้งที่เว้นรอยเย็บไว้....ไม่ต้องตกใจเอามือแนบอก...ปลิ้นๆกลับๆออกมาง่ายๆ ดึงๆทึ้งๆแต่พองาม พอดี ให้สมกุลสตรีไทย จากนั้นก็พับแนวตะเข็บกลัับเข้าไป แล้วรีดให้เรียบเพื่อการสอยปิด


6. จากนั้นก็ย้ายก้นงามๆมานั่งสอยปิดช่องโหว่หน้าทีวี....เป็นอันว่าเสร็จขบวนการซับซ้อนไม่ซ่อนเงื่อน ของการใส่ซับในด้วยจักรของกระเป๋าประเภทนี้ เสร็จแล้วก็ทำการรีดให้เรียบเป็นสัน เป็นอันว่าเสร็จโดยสิ้นเชิงในส่วนของหูกระเป๋า

พร้อมประกอบตัวกระเป๋า



ประกอบตัวกระเป๋า...
1. แยกส่วนผ้าตัวนอก กับผ้าซับในออกจากกัน แล้วเอาแต่ละส่วนมาประกบด้านถูกของด้านนั้นๆเข้าด้วยกัน...อย่าได้แคร์ส่วนหูกระเป๋า...เมื่อเสร็จแล้วก็จะเจอกันอีกครั้งหนึ่ง

2. เมื่อประกบเข้าด้วยกันทั้งสองส่วนเรียบร้อยแล้ว ก็หมุดให้รอบ พร้อมเย็บ

3. เย็บตามรอยประสีดำ เริ่มจากส่วนผ้าตัวนอกเย็บยาวตลอดจนสุดผ้าซับใน....เว้นตรงส่วนมุมเล็กๆเอาไว้ ยังไม่ต้องเย็บติดกัน และเว้นช่องตรงก้นกระเป๋าในส่วนซับใน (ตามรูป) ไม่ต้องเย็บติดกัน เพื่อเอาไว้เป็นช่องกลับผ้าอีกที

การเย็บประกอบกระเป๋า...ถ้าไม่มั่นใจว่าด้ายที่ใช้จะแข็งแรงพอ ก็ทำการเย็บซ้ำสองรอบในรอยเย็บเดิม


เย็บก้นกระเป๋า
4. จับมุมผ้าช่องเล็กๆที่เว้นการเย็บไว้ จับมาประกบให้ขอบตะเข็บชนกัน แล้วหมุด...ทำให้ครบทั้งสี่มุม แล้วทำการเย็บติดกันจนครบ


5. เราก็จะได้ก้นเนียนๆมาหนึ่งก้น กับก้นโหว่ๆอีกหนึ่งก้น...แล้วก็ทำการควัก การปลิ้นกันอีกหนึ่งรอบ กลับให้ผ้าด้านผิดออกมาทางก้นโหว่จนกลายเป็นผ้าด้านถูก...ทุกอย่างจะออกมาเองจนถูกหมดทุกอย่าง

6. เย็บปิดก้นโหว่โดยการพับตะเข็บกลับเข้าไปแล้วเย็บติดเลย....หรือจะสอยเก็บให้เนียน...จนแม่พลอยเคืองก็ไม่ผิดกฎ จากนั้นก็ยัดซับในใส่เข้าไปในกระเป๋า...เป็นอันเสร็จเรื่อง


ได้กระเป๋าทรง Magazine Tote เวอร์ชั่นผ้ามาหนึ่ง สอง สาม สี่ใบ เอาไว้ใส่ของอะไรก็ได้ที่ต้องการใส่ ใส่ผ้าเช็ดตัววางไว้ในห้องน้ำ ใส่หนังสือ ใส่ไหม ใส่หมอน ใส่ได้หมด แล้วเอาถุงก๊อปแก็บที่เหลือไปใส่ขยะแทน


Sunday, August 1, 2010

ไปเล่นทรายที่ Long Beach, NY


หลังจากฟาดหัว ฟาดหาง กินกลางตลอดตัวแม่....เออี....ศรีไม่ทน...จนถึงแก่ความพอใจไปแล้ว เราก็จัดการไปเดินสะบัดตูดริมทะเลซะ ผ่านการทำงานกับเออีมาก็พอประมาณ รู้เข้าไปถึงไส้ถึงพุงว่าเออีที่ดี ที่เก่ง เค้าทำงานกันอย่างไร...หลังจากล้างมือ ล้างถ้วย คว่ำชามจากงานโฆษณา ก็ไม่คิดว่าจะต้องมานั่งชักคะเย้อกับเออีกันอีก ไม่วายยังต้องเจออีกหนึ่งติ่ง

แถมติ่งนี้เป็นติ่งอ่อน....ที่พร้อมจะทำให้เส้นสมองเราเพลียได้ทุกเมื่อ บริษัทไหนมีเออีฉลาด ว่องไว หลักแหลม บริษัทนั้นมีบุญ แต่ถ้าในทางตรงข้ามทั้งหมดทั้งสิ้น บริษัทนั้นเหมือนบ้านมีปลวก ขึ้นชื่อว่าปลวก บ้านใหญ่แค่ไหนแก๊งค์คุณปลวกเค้าก็สามารถทำให้พังลงมาได้เหมือนกัน


ช่างพอเหมาะ พอดี ได้รับคำชวนให้ไปเที่ยว Long Beach วันเสาร์ ไปปาร์ตี้กันก่อนหน้าร้อนจะหมด เป็นบ้านของเพื่อนที่บริษัทที่เด็กโข่งเคยทำงานด้วย บ้านเค้าอยู่ห่างจากทะเลแค่บล๊อกเดียว ข้ามถนนหนึ่งไฟแดงเล็กๆก็ถึง.....ทุกๆหน้าร้อน เค้าจะจัดปาร์ตี้เล็กๆชวนคนสนิทๆมานั่งเม้าท์ นั่งกินกันที่บ้าน ใครอยากเล่นทะเลก็ลงไป แล้วค่อยขึ้นมากินกันที่บ้านช่วงเย็นๆ

ไปกี่ครั้งเราไม่เคยลงทะเลกันซักครั้ง....เพราะไม่ปลื้มทะเลน้ำเย็น เห็นว่าแดดมันปรี้ยงปร้างตาแทบบอดขนาดนั้น แต่นั่งบนหาดยังได้ลมเย็นๆ เย็นแบบว่าถ้าลองโดนน้ำอีกซักนิด ก็จะได้หนาว ส่วนคนเค้าก็ว่าน้ำแบบนี้เป็นเสิศ ประเสริฐศรีเค้าแล้ว ก็เลยว่างั้นคุณๆลงไปเล่นน้ำเถอะ อิชั้นจะร่าเริงเอาหัว (เข่า) ไถทรายอยู่ตรงนี้หล่ะ


ก่อนไปทะเล ก็ลงแรงหนึ่งวันตัดรอมเปอร์ขาสั้น ลายดอกจี๊ดจ๊าดชุดใหม่หนึ่งชุด จัดแจงทาเล็บเท้าสีชมพูแร๊ดแปร๊ดดดด เด็กโข่งถึงขั้นค้อน....ต้องมีชุดไปทะเลดั๊วะ...แน่ซิย้าาา...มันเป็นการเคารพสถานที่ แล้วก็หนีบช้างดาว-วอนนาบีคู่ใจ ใส่หมวกสาวสวนแตง ปีกกว้างๆสองวากันหน้าดำ(ไปมากกว่านี้) ขึ้นรถไฟออกจากแมนฮัตตั้นกันไป ใช้เเวลาแค่ 45 นาทีก็ถึง

ลงทุน 3 เหรียญ ลงแรงกระทืบจักรหนึ่งวัน....เพื่อ rompers ชุดนี้ คู่กับหมวกสาวสวนแตงด้านหลัง พร้อมใส่ไปตะแร๊ดแตร๊ดริมทะเล

ทุกปีซูซานกับร๊อบจะแวะมารัับ แต่ปีนี้เค้าย้ายบ้านใหม่ เราไม่ใช่ทางผ่านเค้าอีกต่อไป เลยต้องขึ้นรถไฟกัน ซึ่งก็ได้บรรยากาศสบายๆไปอีกแนว ยังพูดกับเด็กโข่งว่า มีความรู้สึกแว๊บคิดถึงการไปเที่ยวเสม็ดขึ้นมาได้เหมือนกัน ช่วงอยู่กรุงเทพ เที่ยวเสม็ดกันเกือบจะทุกเดือน ด้วยความที่ไปกันได้ง่ายๆ เที่ยวกันตั้งแต่เด็กยันแก่ ยิ่งพอมาทำงาน พอเย็นวันศุกร์ทีหาเรื่องขับรถกันออกไปแล้ว ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เที่ยงคืน ตีหนึ่ง หาเรือข้ามเกาะได้ตลอด


เทอร์รีเตรียมบัตรผ่านเข้าหาดให้ทุกคน เพราะถ้าไม่มีบัตรผ่านทางอย่างหวังจะได้เข้าไปแตะทราย เจอกฎนี้ตอนไปเที่ยวทะเลที่ประเทศนี้ครั้งแรกเล่นเอาไส้ติ่งหด....จะเข้าไปเกลือกหาดทราย ลงทะเล....ต้องเสียตังค์ด้วย!!!! แถมต้นไม้ให้หลบแดดก็ไม่มีซักต้น ร้านขายส้มตำก็ไม่เห็น เลยต้องนั่งพินิจพิเคราะห์ทำไมเค้าต้องเก็บตังค์ พอตกหกโมงเย็นถึงได้รู้ความ

หกโมงเย็นปุ๊บไลฟ์การ์ดเค้าจะเป่าปรี๊ดดดดดๆๆๆ เรียกทุกคนขึ้นจากน้ำ เพราะหมดเวลาเค้านั่งเฝ้าแล้ว จากนั้นก็จะมีรถมาเกลี่ยหาดเก็บขยะ เกลี่ยทราย กลบรอยเท้าให้พื้นทรายกลับมาเรียบเอี่ยมอ่องประมาณพรมแดง พร้อมไว้สำหรับวันใหม่


เค้าเลยต้องหาตังค์เป็นค่าดูแลหาดนั้นเอง....หาดที่นี่ถ้าไม่มีไลฟ์การ์ด นั่งประจำบัลลังค์แดงอยู่บนหาด จะถือว่าเป็นหาดปิด ทางเข้าบางจุดอาจเปิดอยู่ แต่ถือว่าเป็นหาดที่ไม่เปิดให้ใช้ ใครจะเข้าไปเดินเล่นในหาดก็ได้ (ไม่มีคนนั่งเก็บตังค์ ช่วงหาดปิด) แต่ถ้าเกิดป้าวาฬเพชรฆาตรเธอปุ๊ปปั๊บโผขึ้นจากน้ำ ทิ้งตัวเข้าใส่ หรืออมคนเล่นน้ำเข้าไปก็จะโทษใครไม่ได้ เพราะเค้าบอกแล้วว่าหาดปิด ไม่มีไลฟ์การ์ดหล่อล่ำมาช่วยเป่านกหวีดใส่หู หรือเอานิ้วจิ้มตาป้าวาฬ ให้คายร่างคุณๆออกมา

ถ้าคิดว่าจะฟ้องเอาตังค์....ก็คงต้องฟ้องป้าวาฬตัวเดียวเท่านั้น




ถึงแม้ทะเลจะไม่ใช่อย่างที่เราคุ้นเคยอย่างที่บ้าน แต่การได้ออกไปนั่งเกลือกกลิ้งในที่กว้างๆ ได้ยินเสียงคลื่น เท้าได้แตะทราย ยื่นหน้าโต้ลม มันทำให้ชีวิตเบาขึ้นอีกเยอะ....อีกไม่นานใบไม้ก็จะร่วงกันอีกแล้ว ช่วงนี้เลยต้องหมั่นออกไปตากลมร้อนให้คุ้มค่าการรอคอย