Friday, July 31, 2009

บ้านเก่า...ในนิวยอร์ค


ไม่ใช่บ้านเรา...แต่เป็นบ้านเขา...บ้านใครไม่รู้ รู้แต่เราชอบ บ้านแบบนี้ในนิวยอร์คกำลังได้รับการอนุรักษ์ เพราะมันคือบ้านในยุคการสร้างเมืองนิวยอร์ค บางหลังถูกทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเก่าเมืองนิวยอร์คไปแล้ว ภายในบ้านยังคงของใช้ต่างๆเอาไว้ ในแบบเดิมๆทุกอย่าง ให้คนได้ดูว่า ผู้คนในสมัยโน้นหลังจากอพยพกันเข้ามาถึงนิวยอร์คแล้ว เค้ามีความเป็นอยู่กันยังไง...ทุกวันนี้ตึกใหม่ขึ้นมาเร็วยิ่งกว่าเห็ดหน้า ฝน ตึกเก่าๆแบบนี้เริ่มหายตัวไปเรื่อยๆ


ตั้งใจไว้ว่าจะเขียนรูปตึก รูปเมืองในนิวยอร์ค ใหนๆก็มาอยู่ซะแล้ว เพราะจำได้สมัยเรียน มันเป็นความฝันมากว่าจะได้เขียนรูปบรรยากาศของเมืองนอกเมืองนา นี่อยู่มาจนมืองเค้าจะสึกแล้วยังไม่ได้เขียนซักรูป....เดินผ่านบ้านหลังนี้แถวบ้าน ช่วงบ่ายอ่อนๆ เห็นแล้วรู้สึกสวย...เลยถ่ายรูปเก็บไว้ กะว่าน่าจะได้เป็นหนึ่งในภาพสีน้ำมัน หรือสีน้ำในเร็วๆนี้

Thursday, July 23, 2009

เปรี้ยว


พิซซ่า 1 เหรียญหน้าบ้าน แถวยาวยืดทั้งวัน เป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของหนุ่มๆ สาวๆ วัยเปรี้ยวแถวบ้าน แค่นั่งหน้าบ้านดูประชาชนกลุ่มนี้ก็เพลินได้ทั้งวัน

Monday, July 6, 2009

เดินไปดูพลุริมแม่น้ำฮัดสัน


ปีนี้ลินคอนมาเข้าฝันว่าช่วยกรุณาเดินไปดุพุลวันชาติของเค้าซักปีเถอะแม่คุณ ตั้งแต่ย้ายมาติดแง๊กอยู่นิวยอร์คเข้าปีที่แปด ยังไม่เคยไปร่วมวง ก๊งไส้กรอก ปิ้งเบอร์เกอร์ นั่งดูพุลให้ถึงที่ ให้ผงพุลมันโรยลงลูกกะตากับชาวบ้านชาวเมืองเค้าเลยซักครั้งเดียว...

ทุกๆปีก็มักวิ่งขึ้นไปนั่งแทะเม็ดฟักทอง ดกน้ำแดงอยู่บนดาดฟ้าตึก นั่งมองเอาจากตึกเราก็เห็นได้เหมือนกัน เพราะทุกปี Macy เค้าจุดกันทางฝั่งอีส ซึ่งเป็นฝั่งที่บ้านเราอยู่ แต่ครั้งนี้เค้าไปจุดทางฝั่งเวส ริมแม่น้ำ Hudson เพื่อฉลองครบรอบ 400 ปีที่ Henry Hudson ค้นพบแม่น้ำสายนี้


หลังจากนั่งอยู่ในบ้านกันทั้งวัน ซักหกโมงเย็นแดดยังแจ๋ ก็เลยตัดสินใจออกไปเดินดีกว่า เดินจากบ้านฝั่งอีสไปถึงแม่น้ำฮัดสันฝั่งเวส ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เดินกันเรื่อยๆไปรีบไม่ร้อน เพราะกว่าจะพุลจะบานก็สามทุ่ม แถมวันนั้นอากาศดีสุดๆ เลยเดินลอยชายกันไปเรื่อย เจออะไรน่าดูก็หยุด หยุดทำหน้าลิงหลอกลูกหมาในตู้กระจกร้านขายหมาอยู่พักใหญ่....เห็นแล้วอาการอยากคว้ากลับบ้านกำเริบทั้นที หนึ่งในนั้นมี Cavalier ตัวน้อยอยู่ตัวหนึ่ง เล่นเอาแทบอยากจะปล้นร้าน ชิงหมาเค้ากลับบ้านเอาซะจริงๆ



เดินจนถึงริมน้ำแดดก็ยังแรง แทงตาแทบบอด ประชาชนผู้ดูพุล เดินกันอยู่กระโปรงปลิว ตรงไหนที่เป็นสนามหญ้า ก็จะมีทั้งหนุ่ม ทั้งสาว ทั้งเด็ก ทั้งแก่ แต่งตัวครึ่งบกครึ่งน้ำ นอนเกลือกลิ้ง อยู่ข้างตะกร้าปิคนิก ทั้งน้ำทั้งหนมพร้อม เราเลยนึกได้ว่าไม่ได้มานั่งกินข้าวในพาร์คกันนานแล้ว เดี๋ยววันหลังหอบข้าวเย็นมานั่งกินริมน้ำกันอีกดีกว่า อากาศดีๆ ลมเย็นๆ ดูสาวๆกระนุ่งน้อยห่มนิด ชื่นตาตื่นใจ ก่อนที่หน้าร้อนจะหมด



ช่วงนั่งรอพุลบาน ก็นั่งดูคนไปเรื่อย เรือสวยๆในแม่น้ำฮัดสันก็เริ่มๆเข้ามาลอยลำกัน บรรยากาศปาร์ตี้เบาๆลอยอยู่ทั่วไปหมด ถึงหน้าร้อนถ้าไม่ขี้เกียจมาก เราจะมาเล่น Rollerblade กันริมน้ำ แต่ปีนี้ยังไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง เพราะเดือนที่แล้วฝนตกกันทุกวันเหมือนกัน อากาศมัวๆไม่หยุด เล่นเอาขี้เกียจขยับร่างกันได้ง่ายๆ



บรรยากาศริมน้ำ ไม่ว่าจะแย่แค่ไหนก็ผ่อนคลาย สมัยเรียน ริมแม่น้ำเจ้าพระยานี่แหล่งเดินเล่นหลังเลิกเรียนกันเลย
เดินกันเกือบทุกวัน บางวันเดินดีๆ บางวันเดินเอียงๆ แล้วแต่อารมณ์กับแม่น้ำจะพาไป มาอยู่นิวยอร์คก็มีแม่น้ำฮัดสันนี่แหล่ะที่เอาไว้พักอาการเมาเมือง



นั่งมองตรงไปฝั่งตรงข้ามคือนิวเจอร์ซี่ ยามเย็นพระอาทิตย์ตก แสงสีเต็มอิ่ม มองทีไรก็สวยทุกที ยังไม่เคยข้ามไปนั่งเล่นในพาร์คฝั่งโน้นซักที ซูซานบอกว่าสวยเหมือนกัน....เมืองนี้สวยสั่งสร้างจริงๆ บางทีเมืองสวยๆ ถ้าถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในเมืองนี้ มันน่าหวั่นอยู่เหมือนกัน เพราะเมืองมันมีชีวิตโล้ดเล่นของมัน บางครั้งมันก็ทำให้มนุษย์ตัวเล็กอยู่เป็นหมาเหงาเอาได้ง่ายๆ



มีคนเค้าว่าว่า นิวยอร์คคือเมืองรักได้เกลียดได้ ใครรักรักเลย ใครไม่ชอบก็ไม่ชอบเอาซะเลย แปดปีที่อยู่มาเราเข้าสังกัด I heart New York ไปเรียบร้อยแล้ว ทุกวันใช้เวลาในการเดินเข้าตามซอก ตามซอย ดูร้านเล็กร้านน้อย แล้วก็ตกลงปลงใจได้ว่าเมืองมันมีเสน่ห์ในตัวมันเองเอามากๆ ใครๆก็คิดว่ามันคือเมืองใหญ่ที่วุ่นวาย

แท้จริงแล้วมันคือเมืองเล็กที่มีความวุ่นวายอยู่แค่ในจุดเล็กๆเท่านั้นเอง แล้วจุดวุ่นวายจุดนั้นเดินวันเดียวก็เห็นหมดแล้ว แต่จุดเล็กน้อยๆที่ซ่อนอยุ่ตามถนนเล็กๆนี่ซิ เดินมาแปดปีแล้ว ยังดูไม่หมดเลย



นั่งกันจนถึงเวลาพุลบาน ทางฝั่งนิวเจอร์ซี่เค้าจะเริ่มจุดก่อนประมาณสิบนาที ทางฝั่งนิวยอร์คจึงค่อยเริ่ม พอถึงเวลาคนที่นั่งกันอยู่ก็ลุกขึ้นยืนกันหมด โดยอัตโนมัต ไอ้คนที่ตั้งใจนั่งดูก็เลยต้องลุกขึ้นยืนเหมือนกัน เพราะโดนบังหมด

กล้องตัวเล็กตัวนี้ก็มีกำลังถ่ายได้แค่เท่าที่แสงมีเท่านั้น รูปพุลปีนี้เลยมีแค่สองรูปเท่านั้น จากนั้นก็เก็บกล้องยืนอู้อ้า ตามแรงบานของพุลกันต่อไป จบแล้วก็เดินกลับบ้าน....ขีดฆ่ากากบาทไปได้อีกหนึ่งกิจกรรมในเมืองนิวยอร์ค...Been there done that.