Wednesday, March 11, 2009

สงครามถุงพลาสติค

สองวันก่อนนัดซูซานกับร๊อบและเจ้สหนูนีน่า ไปกินข้าวเที่ยงกัน...กินเสร็จก็พานีน่าไปเล่นเครื่องเล่นในพาร์ค พอให้นีน่าได้หายคึกกับวัยเริ่มหัดวิ่ง แล้วก็ออกช๊อปปิ้งต่อ ซูซานอยากหาของขวัญให้เพื่อนเค้าสำหรับปาร์ตี้ช่วงเย็น เราก็เลยเดินไปเป็นเพื่อน ออกจากพาร์คข้ามถนน Avenue A พุ่งมาที่ร้าน Alphabet ร้านขายของเล่นของขวัญงานดีไซน์ต่างๆ เดินเข้าไปไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไร แต่ก็ยังพูดกับเด็กโข่งว่าเข้าร้านนี้ไม่พ้นเสียตังค์แบบไม่มีแผนการอีกแน่นอน....แล้วมันก็จริงดั่งว่า



เสียตังค์ซื้อไอเดียของชาวบ้านเค้าไปอีกยี่สิบเหรียญ ได้ถุงผ้าจ่ายตลาดมาอีกหนึ่งอัน ถุงผ้าที่นอนกองกันอยู่ที่บ้านนี่ก็เยอะพอที่เอาไปถมที่ได้แล้ว แต่ก็ยังไม่วาย...เพราะเข้าข่ายพวกบ้าถุงผ้า (tote bag mania) เห็นเป็นไม่ได้ แม่กวาดเรียบหมด สมัยสิบกว่าปีที่แล้วถุงผ้าที่เมืองไทยหายากมาก พอมานิวยอร์ค ชาวนิวยอร์คสะพายถุงผ้ากันแทบทุกคน เล่นเอาเรากระดี้กระด้า มันข้าหล่ะ เจอแหล่งเก็บถุงผ้าอีกแล้ว เราใช้ถุงผ้ามาตั้งแต่เค้ายังไม่รณรงค์ให้ใช้กัน มันแค่เป็นความชอบส่วนตัวเริ่มตังแต่สมัยเรียนมัธยม ที่คิดว่าถุงผ้ามันมีเสน่ห์ของมัน โดยเฉพาะถุงผ้าเฉพาะกิจที่ทำขึ้นมาเพื่องานใดงานหนึ่ง โอกาสใดโอกาสหนึ่ง ร้านใดร้านหนึ่ง เราจะชอบคว้ามาเป็นเจ้าของมาก ถุงผ้าใบแรกที่ซื้อในนิวยอ์คคือถุงผ้าจากร้านหนังสือเก่าชื่อ strand แค่ร้านนี้ร้านเดียวเราก็ซื้อกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ซื้ออยู่แบบเดียว แต่ซื้อแทบทุกลาย ซื้อตั้งแต่ใบละห้าเรียญ จนตอนนี้ขึ้นเป็นสิบเหรียญแล้ว ก็ยังตามซื้ออยู่ พอใช้ไม่ทันก็จะตกไปเป็นของน้อง ของหลาน ช่วยๆกันใช้ แต่ขอให้แม่ได้ซื้อ จะเป็นสุขอย่างที่สุด



แล้วมันจะเหลืออะไรกับถุงผ้าระเบิดมืออันนี้...ด้วยราคายี่สิบเหรียญ เป็นถุงผ้าที่แพงที่สุดเท่าที่ซื้อมา...รู้ทั้งรู้ว่าแพง แต่มันปฏิเสธไม่ลง ก็เพราะไอเดียของคนคิดเจ้าถุงอันนี้ขึ้นมานี่แหล่ะ ดีไซด์เนอร์เค้ารู้ว่าตั้งราคาไปเถอะคนซื้อมีแน่นอน...นี่ไงมันอยู่นี่ไงคนหนึ่ง

มาถึงตอนนี้นั่งขำตัวเองกับเรื่องถุงผ้า จำได้ว่าช่วงที่ถุงผ้า "I am not a plastic bag" ดีไซด์โดย Anya Hindmarch ที่โดนปั่นออกมาให้เป็นแฟชั่นการใช้ถุงผ้า เราถึงกับเกาหัวแกรกๆหัวใจขุ่นมัว จากถุงผ้าราคาสิบห้าเหรียญโดนปั่นให้กลายเป็นของหายาก ขายกันในอีเบย์ถึงสองร้อยกว่าเหรียญ เพียงเพราะเป็นถุงผ้าจากดีไซน์เนอร์ บวกกับพลังการพีอาร์และการสร้างกระแส โดยใช้ดารา Hollywood เป็นตัวก่อกระแส ลงตามหน้าหนังสือดาราต่างๆ แล้วถึงค่อยปล่อยให้คนทั่วไปได้ซื้อ ด้วยจำนวนจำกัด มีขายในร้านจำนวนจำกัด ขายตามเมืองตามประเทศจำนวนจำกัด ตามเวลาที่จำกัด ทำให้คนเกือบเหยียบกันตายในฮ่องกงจากการต่อคิวซื้อถุงผ้าอันนี้

เราเองแค่เห็นโฆษณาว่า Whole Food จะวางขายถุงผ้าอันนี้ แต่ไม่รู้กับเค้าว่ามันเป็นถุงผ้าเทวดาที่ใครๆอยากได้กัน เห็นแค่ดีไซด์ก็ว่าน่ารักดี ชอบ wording เค้า และท่าทางจะจุดี แล้วไว้จะมาซื้อในวันที่เค้าวางขาย โดยไม่รู้ว่าในนิวยอร์คคนไปต่อคิวรอซื้อกระเป๋าใบนี้กันตั้งแต่ช่วงกลางคืนก่อนวันเปิดขายหนึ่งวัน ท่ามกลางสายฝน ลมแรง ส่วนตัวเราเดินต้วมเตี้ยมเข้าไปใน Whole Food ช่วงประมาณเกือบเที่ยง ก็ไม่มีอะไรผิดปรกติจากวันจ่ายตลาดทุกๆวัน ไปถามพนักงานว่าจะซื้อถุงผ้าอันนี้ตรงแผนกใหน คนขายยิ้ม บอกว่าขายหมดไปตั้งแต่แปดโมงเช้า เล่นเอาอึ้งว่ามันจะขายดีอะไรขนาดนั้น กลับบ้านมานั่งสงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับถุงผ้าอันนี้เลยลองเสริช์อินเตอร์เนตอ่านถึงได้กระจ่าง เล่นเอาถึงขั้นถอนหายใจ...เอองั้นดีแล้วที่ไม่ได้ตกไปเป็นส่วนหนึ่งของเหยื่อ "Marketing"แมวๆอย่างนี้...อ่านจบเล่นเอาไม่อยากเป็นเจ้าของถุงผ้าอันนี้โดยสิ้นเชิง เพราะเกิดอาการหมั่นไส้การตลาดล้วนๆ

หลังจากนั้นอีกไม่นานไอ้กระเป๋าแบบนี้ คำนี้ แขวนต่องแต่งอยู่ตามร้านขายกระเป๋ายีห้อปลอมๆในไชน่าทาวน์ เกลื่อนไปหมด หลังจากซื้อกุ้ง หอย ปู ปลา เสร็จช่วงเดินผ่านเลยเดินเข้าไปถามราคาว่าเท่าไหร่ ด้วยความรู้สึกว่ามันอะไรกันนักหนา ถึงขั้นเจ้าพ่อขายยี่ห้อปลอมจากเมืองจีนยังถึงต้องเอามาขายกัน คิดว่าราคาไม่น่าจะเกินสิบเหรียญ เพราะของจริงที่ดีไซน์เนอร์เค้าขายแค่สิบห้าเหรียญ แต่ก็นั้นแหล่ะโดนกระแสปั่นให้กระเป๋าใบนี้ขายถึงสองร้อยเหรียญกว่าในอีเบย์....งานนี้ไชน์น่าทาวน์เอากับเค้าบ้าง ขายถึงเจ็ดสิบห้าเหรียญ เราถึงขั้นเผลอปล่อยหมาออกจากปาก หลังจากได้ยินอาตี๋บอกราคา....คนเรามันบ้าไปแล้ว



แล้วก็หันกลับมาซื้อถุงผ้าแบบปุยปุยกันต่อไป เหมือนถุงผ้าระเบิดมือถุงนี้..แพงงง...ที่สุดในบรรดาถุงผ้าที่เราซื้อมา ซื้อเพราะอาการชอบไอเดียล้วนๆ เพราะจริงแล้วก็แค่ถุงผ้าธรรมดาๆเย็บลวกๆจากเมืองจีน แต่เราแพ้จนต้องยอมจ่ายยี่สิบเหรียญ ก็ตรงที่มันดันมายัดอยู่ในระเบิดมือนี่แหล่ะ เพราะรู้สึกว่าถึงแม้จะเป็นกระเป๋าผ้าธรรมดาๆ ที่เย็บแบบลวกๆ แต่อย่างน้อยยังผ่านการคิด การสร้างสรรค์ อย่างน้อยถ้าเราต้องจ่ายอะไรแพงๆ ขอให้เราได้อะไรที่มันเป็นเนื้อๆบ้าง ไม่ว่าจะเนื้อทางด้านดีไซด์ หรือจะเนื้อทางด้านคุณภาพ (ระเบิดมือถุงนี้ได้เนื้อด้านดีไซน์ คุณภาพการเย็บยังเป็นวุ้นอยู่) สำหรับเรา...ยังคงเชื่อในของที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการคิดอยู่มากว่าที่จะปลื้มกับของที่คิดน้อยแต่ขายดีเพราะตลาดเก่ง เพราะถึงจุดหนึ่งของที่ดีจริง มีสมองจริง มันขายด้วยตัวของมันเอง....


No comments: