Thursday, March 26, 2009

ใบปิดข้างบ้าน ๑



ว่ากันเรื่องใบปิด....ใบปิดในที่นี้ก็คือใบปิดโฆษณาหรือ Poster ตามภาษาฝรั่ง ใบปิดกับเด็กเรียนศิลปะเป็นสิ่งที่หนีกันไม่พ้น เมื่อสมัยวัยละอ่อน เป็นนักเรียนติวศิลปะ ก็บ้าเก็บใบปิดกับเค้าอย่างเอาเป็นเอาตาย เก็บมาแล้วก็เอามาเสียบไว้ใต้ที่นอน เพราะใบปิดแต่ละใบใหญ่ห่มตัวเกือบมิด เป็นเรื่องธรรมดาที่พอเราเข้าโหมดสะสมก็จะประคบประหงมสมบัติ ที่แม่ว่ารก อย่างไข่ในหิน อันไหนยับ เล่นอากินไม่ได้นอนไม่หลับ



เริ่มสะสมใบปิดก็เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนติวศิลปะนี่เอง ไปเรียนอาทิตย์ละสองวันเสาร์อาทิตย์ ช่วงเช้าเรียนวาดลายเส้น ช่วงบ่ายเรียนออกแบบ จึงมีการเรียนการออกแบบใบปิดอยู่บ่อยๆ พี่อุ๋ย (ในสมัยนั้น) เดี๋ยวนี้พี่เค้าเป็นครูอุ๋ยไปแล้ว พี่ติวจากศิลปากร เลยแนะนำให้หมั่นดูใบปิดต่างๆ ว่าเค้ามีการวางองค์ประกอบในช่องสี่เหลี่ยมกันยังไง จากดูเฉยๆลามมาถึงแอบแกะของเค้ากลับบ้านซะงั้น ลามไปถึงการตามล่าหาใบปิด จะต้องแอบหลังเสา มุดรั้ว ทำมึน ยังไงทำหมดเพื่อให้ได้มาซึ่งใบปิด มาถึงวันนี้ยังนึกไม่ออกว่าไอ้พวกใบปิดพวกนั้นมันหายไปไหนหมดแล้ว



มาถึงนิวยอร์คใหม่ จำได้ว่าตะลึงงึงงันกับการติดใบปิดที่นี่ เค้าติดกันเป็นรั้ว ปิดจนมิดทั้งแผง จนมันกลายเป็นงานศิลปะไปโดยตัวของมันเอง เพราะเค้าปิดกันแบบติดๆๆๆกัน คนเคยบ้าใบปิดอย่างเราเลยชอบมาก แต่อาการแอบแกะกลับบ้าน มันหมดไปนานแล้วจึงไม่มีการแอบทำมึนค่อยๆแงะค่อยๆแคะให้นิวยอร์คเกอร์เห็นกัน ใบปิดที่นี่เค้าจะปิดกันตามรั้วของไซท์ก่อสร้าง เพราะรั้วพวกนี้เป็นรั้วทึบ ล้อมไซท์ก่อสร้างทั้งไซท์ คนเดินถนนจะไม่สามารถเห็นภายในของไซท์เค้า ดังนั้นพื้นที่ว่างๆยาวๆอย่างนี้ จะปล่อยให้ว่างไว้ทำไม โดยเฉพาะในนิวยอร์ค พื้นที่ทุกตารางนิ้วจะไม่มีการปล่อยให้เปล่าประโยชน์ พื้นที่ว่างคือพื้นที่เงินทั้งนั้น

อย่างทางที่เห็นในรูปเป็นทางที่เราเดินไปซื้อกับข้าวที่ไชน่าทาวน์ เป็นรั้วของร้านอาหาร รั้วนี้จะมีใบปิดมาปิดอยู่ทั้งปีทั้งชาติ เปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ ตามหน้าตาของใบปิด




ทำไปทำมากลายเป็นกิจกรรมเฝ้าดูกำแพงใบปิด ว่าจะมีอะไรใหม่ออกมาทุกอาทิตย์ที่เดินไปซื้อกับข้าว ดูแต่ตามืออย่าต้อง เพราะบ้านจะรก

2 comments:

เก๋ said...

คุณคะ วันนี้ส่งใบปิด เอ๊ยยย ส่งถุงให้แล้วนะ สอดไส้ด้วยน้ำพริกแกงไตปลาแห้งนิดหน่อย แบ่งๆกันไป ^^

Anonymous said...

ปุยเอ๊ย...เรียก พี่อุ๋ย เหมือนเดิมก็ได้ จะบอกความลับให้ ที่หันมาเรียกตัวเองว่า "ครูอุ๋ย" ก็เพราะแก่ขึ้นนั่นแหละ เด็กๆ เริ่มเปลี่ยนจากเรียกพี่ เป็นเรียกน้า เรียกลุง รู้สึกไม่สมวัย (รุ่น) เลยให้เรียก ครูอุ๋ย จะได้ไม่ต้องมี น้า อา ลุง นำหน้าไง ^_^
ป.ล.คิดถึงนะ อเมริกามันไกลจัง ไปไม่ถึงเสียที...