Monday, September 29, 2008

หนูมาลี ขี่ม้าลาย



ชีวิตค่อยๆเริ่มเข้าสู่ภาวะปรกติ หลังจากสู้รบปรบมือกับบ้านพังมาทั้งช่วงเวลาหน้าร้อน เล่นเอาแห้งติดบ้าน ไม่ได้ออกไปยักย้ายส่ายตูดที่ไหนเลย วันๆนั้งผูกคิ้ว เมื่อไหร่มันจะเสร็จ เมื่อไหร่มันจะมาทำต่อ.....สุดท้ายจบด้วย....เค้าอยากกลับบ้าน กลับเมืองไทยกันเหอะ เวียนกะบาลกับหมู่บ้านตะวันออกนี่แล้ว และด้วยงานบวกค่าตั๋วแพงจนตับอักเสบ ก็เลยต้องค้างเติ่งต่อไปอีกหน่อย

เมื่อของเริ่มเข้าที่เข้าทาง สมองเราก็เริ่มเดินต่อได้ หยิบสมุด sketch เปิดจักร เย็บไอเดียกันต่อไป เที่ยวนี้ขอสนองความอยากของตัวเองที่อยากได้มาหนีบรักแร้นานแล้ว เป็นกระเป๋าหนีบรักแร้(clutch)ลายม้าลาย มีชื่อแสนสวยว่ามาลี...มาจากแม่ช่อมาลี ดึกดื่นคราวนี้ยังนอนไม่หลับ



ทำด้วยผ้าขนสัตว์(ปลอมค่าาา...อย่าดีดหูหนูนะมันไม่ใช่ของจริง) ทำไปแล้วก็นึกถึง Art Director บัดดี้หนุ่มทั้งแท่งที่เคยทำงานคู่กันมา ผู้หลงไหลลวดลายเสือสางเป็นชีวิตจิตใจ เธอเป็นชายหนุ่มผู้เฉพาะ มีความคิดเฉพาะตัว ดำรงค์ชีวิตเฉพาะทาง ที่ไม่สามารถเดาได้ว่าเธอจะไปทางไหน เมื่อไหร่ แต่ถ้าได้ไปกับเธอ เมื่อไหร่ เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตไม่เคยขาดเสียงหัวเราะ วันดีคืนดีเธอก็นุ่ง kilt ไปทำงาน เล่นเอาคุณพี่ Creative Director ตาค้าง...."เฮ้ย! วันนี้มีพรีเซ้นงานลูกค้านะแล้วเอ็งก็ต้องเข้าด้วย"
พ่อเจ้าประคุณของเรายิ้มตอบอย่างไร้เดียงสา "ครับพี่...ผมถึงใส่ kilt มานี่ไงเพราะรู้ว่าต้องให้เกียรติที่ประชุม" ถึงเวลาเข้าประชุมเรายิ้มร่าควงแขน พ่อเจ้าประคุณของเราเข้าไปพรีเซ้นงานอย่างเป็นปลื้ม....คนทำงานครีเอทีฟ มันควรมีพลังครีเอทีฟ ที่สามารถจับต้องได้ แสดงออก โดยที่ไม่ต้องพยายามอย่างมากมาย....เมื่อเราไม่พยายามแสดงหรือสร้าง ในที่สุดความเป็นตัวเรามันจะออกมาเอง เหมือนที่พ่อเจ้าประคุณของเราเป็น



ทำงานกินหัวกินหางกันมาตั้งนานมิยักกะรู้ว่าพ่อ art director ของเราลุ่มหลงในลวดลายของสิงสาราสัตว์เป็นอย่างมาก มารู้เอาก้วันหนึ่งที่เราใส่เสื้อผ้าเบาพริ้วลายเสือดาวไปทำงาน ทั้นทีที่เปิดประตูเข้าห้อง พ่อเจ้าประคุณของเราก็ทำท่าอ่อนระโหยโรยรา พูดได้คำเดียว...."โอยตาย ตาย อย่างนี้ตายกันไปเลยดีกว่า เจ๊ฆ่าผมเลยดีกว่า" เล่นเอาเรากุลีกุจอ..."เป็นอะไร๊จ๊ะพ่อคุณ...กินโจ๊กขาดเกลือไปเหรอ หรือยังไง หรือว่างานโดนเด้งกลับมาแก้อีก รีชู้ดอีกมั๊ย ชั้นไม่ไปนั่งคุมแล้วนะ เที่ยวนี้ตาแกแหล่ะ" พ่อเจ้าประคุณเงยหน้าเด้ียงๆ เสียงแมวๆกลับมา
"เจ๊รู้มั๊ยผมแพ้ผู้หญิงใส่ลายเสือ เห็นแล้วเข่าอ่อน ใจเปลี้ย....เจ๊แต่งงานกับผมเหอะ วันนี้เลยนะ แล้วผมจะไม่ให้เจ๊ไปคุมถ่ายอีกต่อไปเลยทั้งชีวิต"
นี่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน เราฟันใบตองตึงดังฉับเลยว่ามันเป็นเกย์แน่นอน ผู้ชายอะมีบ้าอะไรชอบเสื้อผ้าลายเสือ ผ้าขนสัตว์ อะไรที่คุณเจ๊ปอนด์ เพื่อนรุ่นพี่แอบสาวแห่ง Bobby Brown ชอบ พ่อเจ้าประคุณเราก็ชอบเช่นกัน บอกแล้วว่าเธอคือผู้ชายเฉพาะ เล่นเอาไม่กล้าใส่เสื้อตัวนั้นไปพักหนึ่งเพราะกล้วพ่อคุณจะปล้ำเอา เวลาบอกให้แก้งาน สุดท้ายเราก็เกี่ยวก้อยสัญญากัน ว่าแกจะไม่ปล้ำชั้นนะถ้าชั้นจะใส่ลายเสืออีก แล้วชั้นจะซื้อหมอนลายเสือ ผ้าปูที่นอนลายเสือให้หนึ่งชุด จะได้เข้ากับฝาชักโครกขนสัตว์ลายเสือเบงกอลที่ห้องพ่อคุณ



วันนี้ถ้าเรายังทำงานด้วยกันอยู่ เราคงต้องเอาหนูมาลี ขี่ม้าลายใบนี้ไปอวดพ่อเจ้าประคุณสุดที่รักเราอีกเป็นแน่...
"นี่แกนอกจากชั้นมีเสื้อลายเสือดาวแล้ว ชั้นยังมีกระเป๋าหนีบรักแร้ลายม้าลายด้วยนะ"
ถ้าจะปล้ำชั้นอีกมีดีดด้วยขาหลังนะงานนี้

2 comments:

Juneeeee said...

กระเป๋าน่ารักมากเลยอะจ๊ะ

แต่ที่ชอบที่สุดคือการเล่าเรื่องของ PUI PUI อะคะ

Anonymous said...

บทความนี้นานแล้วแต่พึ่งมาอ่านเจอ

ผมก้คนนึงนะที่ชอบอะไรขนๆหรือลายเสือดาวลายม้าลาย

แต่ไม่ใช่เกย์นะครับ ไม่รู้นะรู็้สึกว่าเวลาที่คนใส่ลายเสือ
แบบเซกซี่ เหนแล้วมันเซกซี่โดนใจดีครับ ฮ่าๆๆ