Sunday, August 1, 2010

ไปเล่นทรายที่ Long Beach, NY


หลังจากฟาดหัว ฟาดหาง กินกลางตลอดตัวแม่....เออี....ศรีไม่ทน...จนถึงแก่ความพอใจไปแล้ว เราก็จัดการไปเดินสะบัดตูดริมทะเลซะ ผ่านการทำงานกับเออีมาก็พอประมาณ รู้เข้าไปถึงไส้ถึงพุงว่าเออีที่ดี ที่เก่ง เค้าทำงานกันอย่างไร...หลังจากล้างมือ ล้างถ้วย คว่ำชามจากงานโฆษณา ก็ไม่คิดว่าจะต้องมานั่งชักคะเย้อกับเออีกันอีก ไม่วายยังต้องเจออีกหนึ่งติ่ง

แถมติ่งนี้เป็นติ่งอ่อน....ที่พร้อมจะทำให้เส้นสมองเราเพลียได้ทุกเมื่อ บริษัทไหนมีเออีฉลาด ว่องไว หลักแหลม บริษัทนั้นมีบุญ แต่ถ้าในทางตรงข้ามทั้งหมดทั้งสิ้น บริษัทนั้นเหมือนบ้านมีปลวก ขึ้นชื่อว่าปลวก บ้านใหญ่แค่ไหนแก๊งค์คุณปลวกเค้าก็สามารถทำให้พังลงมาได้เหมือนกัน


ช่างพอเหมาะ พอดี ได้รับคำชวนให้ไปเที่ยว Long Beach วันเสาร์ ไปปาร์ตี้กันก่อนหน้าร้อนจะหมด เป็นบ้านของเพื่อนที่บริษัทที่เด็กโข่งเคยทำงานด้วย บ้านเค้าอยู่ห่างจากทะเลแค่บล๊อกเดียว ข้ามถนนหนึ่งไฟแดงเล็กๆก็ถึง.....ทุกๆหน้าร้อน เค้าจะจัดปาร์ตี้เล็กๆชวนคนสนิทๆมานั่งเม้าท์ นั่งกินกันที่บ้าน ใครอยากเล่นทะเลก็ลงไป แล้วค่อยขึ้นมากินกันที่บ้านช่วงเย็นๆ

ไปกี่ครั้งเราไม่เคยลงทะเลกันซักครั้ง....เพราะไม่ปลื้มทะเลน้ำเย็น เห็นว่าแดดมันปรี้ยงปร้างตาแทบบอดขนาดนั้น แต่นั่งบนหาดยังได้ลมเย็นๆ เย็นแบบว่าถ้าลองโดนน้ำอีกซักนิด ก็จะได้หนาว ส่วนคนเค้าก็ว่าน้ำแบบนี้เป็นเสิศ ประเสริฐศรีเค้าแล้ว ก็เลยว่างั้นคุณๆลงไปเล่นน้ำเถอะ อิชั้นจะร่าเริงเอาหัว (เข่า) ไถทรายอยู่ตรงนี้หล่ะ


ก่อนไปทะเล ก็ลงแรงหนึ่งวันตัดรอมเปอร์ขาสั้น ลายดอกจี๊ดจ๊าดชุดใหม่หนึ่งชุด จัดแจงทาเล็บเท้าสีชมพูแร๊ดแปร๊ดดดด เด็กโข่งถึงขั้นค้อน....ต้องมีชุดไปทะเลดั๊วะ...แน่ซิย้าาา...มันเป็นการเคารพสถานที่ แล้วก็หนีบช้างดาว-วอนนาบีคู่ใจ ใส่หมวกสาวสวนแตง ปีกกว้างๆสองวากันหน้าดำ(ไปมากกว่านี้) ขึ้นรถไฟออกจากแมนฮัตตั้นกันไป ใช้เเวลาแค่ 45 นาทีก็ถึง

ลงทุน 3 เหรียญ ลงแรงกระทืบจักรหนึ่งวัน....เพื่อ rompers ชุดนี้ คู่กับหมวกสาวสวนแตงด้านหลัง พร้อมใส่ไปตะแร๊ดแตร๊ดริมทะเล

ทุกปีซูซานกับร๊อบจะแวะมารัับ แต่ปีนี้เค้าย้ายบ้านใหม่ เราไม่ใช่ทางผ่านเค้าอีกต่อไป เลยต้องขึ้นรถไฟกัน ซึ่งก็ได้บรรยากาศสบายๆไปอีกแนว ยังพูดกับเด็กโข่งว่า มีความรู้สึกแว๊บคิดถึงการไปเที่ยวเสม็ดขึ้นมาได้เหมือนกัน ช่วงอยู่กรุงเทพ เที่ยวเสม็ดกันเกือบจะทุกเดือน ด้วยความที่ไปกันได้ง่ายๆ เที่ยวกันตั้งแต่เด็กยันแก่ ยิ่งพอมาทำงาน พอเย็นวันศุกร์ทีหาเรื่องขับรถกันออกไปแล้ว ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เที่ยงคืน ตีหนึ่ง หาเรือข้ามเกาะได้ตลอด


เทอร์รีเตรียมบัตรผ่านเข้าหาดให้ทุกคน เพราะถ้าไม่มีบัตรผ่านทางอย่างหวังจะได้เข้าไปแตะทราย เจอกฎนี้ตอนไปเที่ยวทะเลที่ประเทศนี้ครั้งแรกเล่นเอาไส้ติ่งหด....จะเข้าไปเกลือกหาดทราย ลงทะเล....ต้องเสียตังค์ด้วย!!!! แถมต้นไม้ให้หลบแดดก็ไม่มีซักต้น ร้านขายส้มตำก็ไม่เห็น เลยต้องนั่งพินิจพิเคราะห์ทำไมเค้าต้องเก็บตังค์ พอตกหกโมงเย็นถึงได้รู้ความ

หกโมงเย็นปุ๊บไลฟ์การ์ดเค้าจะเป่าปรี๊ดดดดดๆๆๆ เรียกทุกคนขึ้นจากน้ำ เพราะหมดเวลาเค้านั่งเฝ้าแล้ว จากนั้นก็จะมีรถมาเกลี่ยหาดเก็บขยะ เกลี่ยทราย กลบรอยเท้าให้พื้นทรายกลับมาเรียบเอี่ยมอ่องประมาณพรมแดง พร้อมไว้สำหรับวันใหม่


เค้าเลยต้องหาตังค์เป็นค่าดูแลหาดนั้นเอง....หาดที่นี่ถ้าไม่มีไลฟ์การ์ด นั่งประจำบัลลังค์แดงอยู่บนหาด จะถือว่าเป็นหาดปิด ทางเข้าบางจุดอาจเปิดอยู่ แต่ถือว่าเป็นหาดที่ไม่เปิดให้ใช้ ใครจะเข้าไปเดินเล่นในหาดก็ได้ (ไม่มีคนนั่งเก็บตังค์ ช่วงหาดปิด) แต่ถ้าเกิดป้าวาฬเพชรฆาตรเธอปุ๊ปปั๊บโผขึ้นจากน้ำ ทิ้งตัวเข้าใส่ หรืออมคนเล่นน้ำเข้าไปก็จะโทษใครไม่ได้ เพราะเค้าบอกแล้วว่าหาดปิด ไม่มีไลฟ์การ์ดหล่อล่ำมาช่วยเป่านกหวีดใส่หู หรือเอานิ้วจิ้มตาป้าวาฬ ให้คายร่างคุณๆออกมา

ถ้าคิดว่าจะฟ้องเอาตังค์....ก็คงต้องฟ้องป้าวาฬตัวเดียวเท่านั้น




ถึงแม้ทะเลจะไม่ใช่อย่างที่เราคุ้นเคยอย่างที่บ้าน แต่การได้ออกไปนั่งเกลือกกลิ้งในที่กว้างๆ ได้ยินเสียงคลื่น เท้าได้แตะทราย ยื่นหน้าโต้ลม มันทำให้ชีวิตเบาขึ้นอีกเยอะ....อีกไม่นานใบไม้ก็จะร่วงกันอีกแล้ว ช่วงนี้เลยต้องหมั่นออกไปตากลมร้อนให้คุ้มค่าการรอคอย

2 comments:

irobott said...

ทะเลเมืองหนาวยังไงก็ไม่เหมือนบ้านเราเนอะพี่ปุย
แต่ว่าชอบวิธีการดูแลหาดของเค้าจัง
กำลังคิดว่างั้นถ้าเราไปแต่เช้าวันต่อไป
เราก็จะได้เจอหาดขาวๆเรียบๆ

จะเกลือกให้เละทั้งหาดเลยยยย
555

พิมพรค่ะ said...

จริงด้วย ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ลงทะเลที่นั่นเลย น้ำมันเย็นสุดขั้ว แต่ทะเลบ้านเราก็เถอะถึงน้ำจะอุ่นแต่ก็ขี้เกียจลงให้ตัวเหนียว กลับมาบ้านนี่ยังไม่ได้ลงทะเลเลยนะ ได้แต่เดินลุยๆไปขึ้นเรือเท่านั้นเอง ว่าแล้วต้องหาโอกาสดีๆลงสักครั้งดีกว่า

ดิชั้นตกกะไดขาบวมปูดเจ๊บเจ็บ